วันพุธที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตะไคร้


ตะไคร้

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ตะไคร้

  ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว และช่วยเพิ่มรสชาตของอาหาร ในหลากหลายเมนู โดยเฉพาะอาหารประเภทต้มยำ และแกงต่างๆ รวมถึงการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาทิ น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ เป็นต้น
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกวงศ์เดียวกันกับหญ้า มีอายุมากกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น พม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย เป็นต้น

  ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
วงศ์ : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อท้องถิ่น :
   – ตะไคร้
   – ตะไคร้แกง
   – ตะไคร้มะขูด
   – คาหอม
   – ไคร
   – จะไคร
   – เชิดเกรย
   – หัวสิงไค
   – เหลอะเกรย
   – ห่อวอตะโป
   – เฮียงเม้า



ลักษณะทั่วไป
   ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง รูปทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (รวมทั้งใบ)
 ส่วนของลำต้นที่เรามองเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบหุ้มหนา ผิวเรียบ และมีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนเล็กน้อย และค่อยๆเรียวเล็กลงกลายเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นปล้องแข็ง ส่วนนี้สูงประมาณ 20-30 ซม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และพันธุ์ และเป็นส่วนที่นำมาใช้สำหรับประกอบอาหาร

กระเพรา


กระเพรา

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กะเพรา



  ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ocimum sanctum linn. 
  วงศ์ :LABIATAE

  ชื่ออังกฤษ : Holy basil, Sacred basil
  ชื่ออื่น : กระเพราแดง กระเพราขาว (ภาคกลาง) ก่ำก้อขาว ก่ำก้อดำ กอมก้อขาว กอมก้อดำ (เชียงใหม่-    ภาคเหนือ) ห่อตูปลู ห่อกวอซู (กะเหรี่ยง-แม่อ่องสอน)

  ลักษณะทางพฤษศาสตร์ 
    ต้น เป็นไม้ล้มลุก แตกกิ่งก้านสาขา สูง 30 - 60 ซม. โคนลำต้นค่อนข้างแข็ง ตามลำต้นมีขน มีกลิ่นหอม

   ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงตรงข้าม รูปรี กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2.5-5 ซม. ปลายแหลมหรือมน โคนแหลม ขอบจักฟันเลื่อยและเป็นคลื่น แผ่นใบมีขนโดยเฉพาะยอด ใบสีเขียว เรียกกะเพราขาว ใบสีแดงเรียกกะเพราแดง

    ดอก เป็นแบบช่อฉัตร ออกบริเวณปลายยอดและปลายกิ่ง ยาว 8-10 ซม. ประกอบด้วยดอกเล็กๆ ออกเป็นวงรอบแกนช่อเป็นชั้นๆ ก้านดอกยาว 2-3 มม. และกางออกตั้งฉากกับแกนช่อ กลีบเลี้ยงโคนติดกันเป็นรูปคล้ายระฆัง ปลายแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนบนมีกลีบเดียวค่อนข้างกลม ส่วนกลางแยกเป็น 4 แฉก ปลายแหลมเรียว ด้านในเกลี้ยง ด้านนอกมีขนตามโคนกลีบ กลีบดอกสีขาว (กะเพราขาว) หรือชมพูปนม่วงแดง (กะเพราแดง) ด้านบนมี 4 กลีบ ด้านล่างมี 1 กลีบ ขนาดยาวกว่าด้านบน ตรงกลางกลีบเว้าตื้นๆ ปลายกลีบม้วนพับลง

   ผล แห้งแล้วแตกออก

   เมล็ด  รูปไข่สีน้ำตาลมีขนาดเล็ก  มีจุดสีเข้มเมื่อนำไปแช่น้ำเปลือกหุ้มเมล็ดพองออกเป็นเมือกเมื่อแก่หรือแห้ง เมล็ดจะเป็นสีดำอยู่ข้างในซึ่งหุ้มด้วยกลีบเลี้ยง
สรรพคุณ

มะกรูด

มะกรูด

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ มะกรูด

   มะกรูด (Leech lime) 
  เป็นพืชตระกูลส้ม และมะนาว (Citrus family) ที่เป็นพืชพื้นเมืองในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจัดเป็นไม้ผล และพืชผักสมุนไพรที่นิยมปลูกไว้ตามบ้าน และสวน เพื่อใช้สำหรับประกอบอาหาร เนื่องจาก ใบ และผล มีน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นหอมช่วยในการดับกลิ่นคาว และเพิ่มรสให้แก่อาหารได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีองค์ประกอบของสารสำคัญหลายชนิดที่มีคุณสมบัติทางยา และคุณสมบัติทางด้านความสวยความงาม


 • ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Citrus hystrix DC.
 • วงศ์ : Rutaceae
 • ชื่อพ้อง :
   – Citrus echinata St. Lag.
   – Citrus latipes Hook. F.& Thoms.
   – Citrus papidia Miq
 • ชื่อสามัญ :
   – kaffir lime
   – porcupine orange
   – leech lime
   – mauritrus papeda
 • ชื่อท้องถิ่น :
   – มะกรูด
   – ส้มมั่วผี
   – มะหูด
   – ส้มมะกรูด
   – ส้มกรูด
   – มะขุน
   – มะขูด
   – มะหูด
   – หมากกรูด

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2560

หอมแบ่ง

                                 หอมแบ่ง

                                         ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ หอม

     
 หอม หรือ Shallot ผัก พื้นบ้านที่เราแสนจะคุ้นเคย เราจะเจอต้นหอมได้บ่อยๆทั้งในไข่เจียว ไข่ตุ๋น ในน้ำแกงจืด หรือแม้แต่ในก๋วยเตี๋ยวหรือเมนูยำต่างๆ ล้วนต้องใส่ต้นหอมทั้งนั้นค่ะ เด็กมักจะเขี่ยต้นหอมทิ้ง เพราะดูแล้วชิ้นเล็กๆเขียวแกมขาว ดูไม่ค่อยจะเด่นและมีประโยชน์เท่าไร ทั้งรสชาติก็เผ็ดร้อนและมีกลิ่นฉุนอีกด้วย แต่ต้นหอมนี้เอง ที่มีคุณค่าอาหารหลายชนิด เช่น แคลเซียมและฟอสฟอรัส ในสัดส่วนที่เหมาะสมแก่ร่างกาย ทั้งยังมีเบต้าแคโรทีน และสารพวกฟลาโวนอยด์บางชนิด เช่น เควอทิซีน และสไปริโอไซด์ ที่เป็นเกราะสำคัญในการป้องกันมะเร็งที่เราพบในไวน์แดง


      คุณประโยชน์
 ต้นหอมแม้จะมีกลิ่นฉุน แต่รสเผ็ดร้อนของต้นหอมก็แกล้มอาหารจีน แก้เลี่ยนได้เป็นอย่างดี จะสังเกตุว่าบนโต๊ะจีนมักนิยมทานต้นหอมจิ้มมัสตาร์ด ให้รสชาติที่เข้มขึ้นอีกทั้งความฉุนของต้นหอมเมื่อนำไปบุบแล้วพอกตรงที่ถูก แมลง กัดต่อย ก็แก้ปวดได้ชะงัด แถมยังแก้อาการเป็นหวัด คัดจมูก เมื่อบุบต้นหอมดม ทำให้จมูกโล่งได้นะคะ เมื่อบริโภคต้นหอมสดๆ ยังได้เบต้าแคโรทีน มากถึง 76.30 ไมโครกรัม วิตามินซีสด 22 มิลลิกรัม แคลเซียม 47 กรัม และฟอสฟอรัสถึง 33 กรัมต่อต้นหอมที่บริโภค 100 กรัม ต้นหอมยังช่วยลดคลอเลสเตอรอลในเลือด ควบคุมความดันโลหิตสูง และป้องกันหลอดเลือดหัวใจอุดตันอีกด้วย


การปลูก การเพาะปลูกต้นหอมนั้นทำได้ 2 วิธี คือ ใช้หัวปลูก หรือใช้เมล็ดหว่าน แต่การใช้เมล็ดจะประหยัดกว่า ใช้เวลาในการปลูก 45 วัน แต่ที่นิยมปลูกจะใช้หัวปลูกเพราะระยะเวลาการเก็บเกี่ยวจะใช้เวลาประมาณ 30-32 วันต้องรดน้ำทั้งเช้าเย็น จนเมื่อต้นเริ่มมีใบยื่นยาว ลดน้ำลงเหลือเพียงวันละครั้ง เคล็ดลับปลูกต้นหอมให้งามอยู่ที่การคลุมดินให้คงความชื้นไว้ แต่ระบายน้ำได้ดี โดยการนำเอาฟางแห้ง หญ้าแห้ง เปลือกถั่วลิสง หรือแกลบดิน คลุมหน้าดินไว้ ต้นหอมโตเต็มที่สามารถนำมาใช้งานได้ สูงประมาณ 1 ฟุตกว่าๆ ก็ถอนมาได้เลยค่ะ ส่วนแมลงศัตรูตัวร้ายของต้นหอมคือ เพลี้ยไฟ ใช้แลนเนท 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ 10 ลิตร แล้วฉีดพ่น 7-10 วันครั้ง เพื่อป้องกัน หากเกิดเพลี้ยไฟ ก็ฉีดพ่น 3-4 วันครั้งหอมแบ่งเท่าที่บ้านผมปลูกนะจะมี 3 สายพันธ์ คือ1.พันธ์ที่มาจากนครพนม2.พันธ์ที่มาจากเชียงใหม่ (หอมเหนือ)3.พันธ์ที่มาอินโดนิเชียลักษณะทั้ง 3 สายพันธ์นี้จะชอบฤดูการปลูกที่แตกต่างกัน
พันธ์ที่มาจากนครพนมจะมีความทนทานต่อหน้าฝนพันธ์ที่มาจากเชียงใหม่ --จะให้ผลผลิตมากในช่วงหน้าหนาว
พันธ์ที่มาอินโดนิเชีย--พันธ์นี้จะพิเศษกว่าเพื่อนทนได้ทาน ต้นใหญ่ใบหนาทนต่อโรค และสภาพอากาศ แต่ข้อเสียกลิ่นค่อนข้างแรงกว่า 2 สายพันธ์ที่กว่ามา

มะละกอฮอลแลนด์



                          มะละกอฮอลแลนด์

                                           

ชุมนุมคุณประโยชน์ของมะละกอ ไม้หนึ่งต้นที่ให้ผลเกินคุ้ม 
          รู้ไหมว่ามะละกอที่เรานิยมชมชอบรับประทานนั้น มีประโยชน์ใช้สอยมากมาย ทุกส่วนของมะละกอเป็นยาที่นำมาใช้ในการดูแลรักษาสุขภาพของเราในชีวิตประจำวันได้ คนไทยผูกพันกับมะละกอมานานกว่า 200 ปี จนเรานึกว่าเป็นพืชท้องถิ่นในบ้านเราไปแล้ว และยังมีส้มตำมะละกอเมนูของความอร่อยตอกย้ำความเชื่อนี้ และคนไทยแทบทุกบ้านจะปลูกมะละกอไว้เป็นอาหาร จนกลายเป็นพืชริมรั้วที่เจนตาอีกตัวหนึ่ง
          เพื่อให้คนไทยได้นำทุกส่วนของมะละกอไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างคุ้มค่า จึงได้รวบรวมประโยชน์ใช้สอยจากมะละกอมาไว้ให้ท่านได้ศึกษาเรียนรู้ตามการใช้แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
    
           เมื่อมีอาการปวดตามข้อและหลัง รับประทานมะละกอสุกเป็นประจำป้องกันและบำบัดโรคปวดข้อปวดหลังได้ 

           ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ไม่มีแรง ใช้รากมะละกอตัวผู้ แช่เหล้าขาวให้ท่วมยาไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำใช้ทาแก้ปวดข้อและกล้ามเนื้อเปลี้ยอ่อนแรง 

           ลดอาการปวดบวม ให้เอาใบมะละกอสดย่างไฟหรือลวกกับน้ำร้อนใช้ประคบบริเวณที่ปวด หรือตำพอหยาบห่อด้วยผ้าขาวบางทำเป็นลูกประคบ

           แก้เคล็ดขัดยอก ใช้รากมะละกอสดตำให้แหลกผสมเหล้าโรงพอก

           โดนตะปูตำเป็นแผล ให้เอาผิวลูกมะละกอดิบตำพอกแผล เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง 


วิธีการเพาะเมล็ด 
   1.นำเมล็ดมะละกอแช่น้ำ 3 คืน โดยเปลี่ยนน้ำที่แช่บ่อยๆ อย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง 
   2.นำเมล็ดมะละกอมาเพาะในถุงดินที่เตรียมไว้โดยให้ใส่ 3-4 เมล็ด/ถุง 
   3.รดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ 9-10 วัน เมล็ดก็จะงอก ทำการรดน้ำพอชุ่มวันละ 1 ครั้ง

วันพุธที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560

มะนาว

                มะนาว 

             รูปภาพที่เกี่ยวข้อง


มะนาว พืชสมุนไพรที่จัดว่าเป็นได้ทั้งผักและผลไม้ในตัวเดียวกัน ภายใต้ผลเล็กๆ กลมๆ สีเขียวนั้น เนื้อในของมันอุดมไปด้วยน้ำที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดสะใจ มะนาวไม่ได้มีแค่รสชาติความเปรี้ยวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นแต่เพียงเท่านั้น หากแต่กลับเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาสูง อีกทั้งยังมีดีต่อการบำรุงความสวยความงามด้วย แต่เนื้อหาที่เราหยิบมาฝากกันวันนี้ เราจะพูดถึงคุณประโยชน์ของมะนาวที่มีดีต่อสุขภาพร่างกายล้วนๆ มาดูกันว่ามะนาวมีดีอย่างไร

   ลักษณะทั่วไปของมะนาว
มะนาว (ภาษาอังกฤษ : Lime) เป็นไม้ผลชนิดหนึ่งที่มีรสเปรี้ยวจัด จัดอยู่ในสกุลส้มหรือที่เรียกว่า Citrus ลักษณะของผลจะมีสีเขียว เมื่อสุกจัดจะออกเป็นสีเหลือง ลักษณะของเปลือกจะบาง ส่วนภายในมะนาวนั้นจะมีเนื้อที่แบ่งออกเป็นกลีบๆ และชุ่มน้ำมาก ถือเป็นผลไม้ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องปรุงรส ที่สำคัญยังเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและทางการแพทย์ โดยทั่วไปมะนาวจะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางอยู่ประมาณ 4-4.5 เซนติเมตร ทั้งนี้จะมีลำต้นที่เป็นไม้พุ่มเตี้ย มีความสูงประมาณ 5 เมตร ในส่วนของก้านจะมีหนามแต่เพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่จะมีใบดก ลักษณะของใบจะยาวเรียวเพียงเล็กน้อย พูดง่ายๆ ก็มีความคล้ายกับใบส้ม ส่วนเรื่องดอกมะนาวจะมีลักษณะสีขาวอมเหลือง ซึ่งดอกของมะนาวจะมีการออกดอกผลลอดทั้งปี อาจมีความแตกต่างกันตามฤดูกาล เพราะในช่วงหน้าแล้งต้นมะนาวจะออกผลน้อยกว่าและผลของมันจะมีน้ำที่น้อยกว่า


  ประโยชน์ของมะนาว

1.ประโยชน์ของผลมะนาว/เปลือก 
2.ช่วยบำรุงสายตาของคนเราให้มีความสดใสอยู่ตลอดเวลา 
3.ช่วยบำรุงผิวพรรณให้มีความเปล่งปลั่งและสดใสอยู่สม่ำเสมอ 
4.มีน้ำมันระเหยที่ช่วยให้ความสดชื่นแก่ร่งกาย สามารถนำน้ำมันระเหยที่ได้ประมาณ 7% ในมะนาว 1 ลูกมาผสมเป็นน้ำยาทำความสะอาดได้ 
5.มะนาวเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ช่วยในการกัด ถือเป็นกรดผลไม้ชนิดหนึ่งหรือที่เรียกว่า AHA ที่เป็นที่ยอมรับ และเป็นกรดที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมได้ 
6.นำมาปรุงรสชาติในอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างอร่อย และไม่ทำให้อาหารจานนั้นรู้สึกเลี่ยนได้ 
7.ช่วยแก้ปัญหาขาลายที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ รวมทั้งปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ด้วยการนำมะนาวมาผสมเข้ากับดินสอพองจากนั้นนำมาทาทิ้งไว้ก่อนนอน 
8.ตื่นเช้าขึ้นมาค่อยล้างออกให้สะอาด 
9.ช่วยรักษาสิวให้มีปริมาณที่ลดลง เนื่องจากกรดอ่อนๆ ที่อยู่ในมะนาวนั้นจะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนจากสิว อีกทั้งยังช่วยขจัดความมันและเชื้อโรคบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี 
10.นำเปลือกมะนาวที่บีบน้ำมะนาวออกหมดแล้ว มาทาหรือขัดในบริเวณคาง ข้อศอก เข้า หรือส้นเท้า จะช่วยให้ผิวในบริเวณนี้มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น 
11.นำเปลือกผลแห้งของมะนาวมาต้มเพื่อเอาน้ำมาดื่ม 
12.จะช่วยแก้อาการจุกเสียดแน่นท้อง 
13.ช่วยขับเสมหะที่ติดอยู่ในลำคอและยังช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร 
14.นำมาแปรรูปเป็นอาหารหลากหลายชนิด เช่น มะนาวแช่อิ่มตากแห้ง น้ำมะนาวรสชาติเข้มข้น แยมมะนาว แยมเปลือกมะนาว แยมมะนาวดอง กิมจ้อมะนาว เปลือกมะนาวสามรส เปลือกมะนาวเชื่อม มาร์มาเลดมะนาว เป็นต้น ใส่มะนาว 2-3 ลูกไว้ในถังข้าวสาร จะช่วยป้องกันมอดได้ นำเปลือกมะนาวมาเช็ดทำความสะอาดภาชนะให้เงางามขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทองเหลือง 

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560

พริก


พริก


การปลูกพริก



     พริก เป็นผักสวนครัวที่มีรสชาติเผ็ดร้อน และถือว่าเป็นวัตถุดิบหลักที่ช่วยชูรสชาติอาหารตำรับไทย ๆ ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมา รู้หรือไม่ว่าภายใต้รสชาติอันเผ็ดร้อนจนต้องเป่าปากนั้นกลับแฝงไปด้วยประโยชน์เอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่วยให้เจริญอาหาร ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันเส้นเลือดอุดตัน แถมยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็งอีกด้วย ก็เพราะพริกมันดีซะขนาดนี้มีหรือที่กระปุกดอทคอมจะพลาดที่จะนำวิธีการปลูกพริกในกระถางมาฝาก 

   ประโยชน์ของพริก
1.พริก มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
2.ช่วยให้อารมณ์ดี ทำให้ร่างกายสร้างสาร Endorphin (สารแห่งความสุข)
3.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
4.วิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในร่างกาย
5.ช่วยในการบำรุงและรักษาสายตา
6.ช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหารยิ่งขึ้น
7.สารแคปไซซินช่วยให้เกิดอาการตื่นตัวของร่างกาย
8.ช่วยในการดีท็อกซ์ของร่างกาย
9.พริกช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด ลดน้ำมูก และลดเสมหะ
10.ช่วยบรรเทาอาการไอ